ยินดีต้อนรับผู้ดูแลระบบโรงเรียน   
 
หัวข้อกระทู้ :
 การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

ตั้งกระทู้วันที่ : 16 ก.พ. 2562
จำนวนผู้เข้าอ่าน : 22179 คน
ผู้ตั้งกระทู้ : ครูศิริลักษณ์ 

รายละเอียดกระทู้

 

 
ชื่อเรื่อง           การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3

ผู้ศึกษา            นางศิริลักษณ์  พรมกันหา  ตำแหน่ง  ครู  วิทยฐานะ  ครูชำนาญการ

โรงเรียน          ศิลาลาดวิทยา  สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  

ปีที่พิมพ์          พ.ศ.  2559

         

บทคัดย่อ

 

            การศึกษาครั้งนี้จึงมีมีวัตถุประสงค์เพื่อ  1)  พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80  2)  หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  3)  เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  4)  ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  โรงเรียนศิลาลาดวิทยา  อำเภอศิลาลาด  จังหวัดศรีสะเกษ  สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ  ภาคเรียนที่  2  ปีการศึกษา  2559  จำนวน  1  ห้องเรียน  คือ  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3/2  จำนวน  27  คน  ได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม  (Cluster  Random  Sampling)  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย  1)  แผนการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้  จำนวน  16  แผน  2)  แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ซึ่งเป็นแบบปรนัยชนิด  4  ตัวเลือก  จำนวน  30  ข้อ  โดยมีค่าความยากตั้งแต่  0.40  ถึง  0.60  และค่าอำนาจจำแนก  (B)  ตั้งแต่  0.53  ถึง  0.87  และมีค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.97  ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น  3)  แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  จำนวน  16  เล่ม  ซึ่งมีผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพในครั้งนี้เท่ากับ  84.63/81.11  และ  4)  แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  เป็นแบบวัดที่ใช้มาตราการประมาณค่า (Rating  scale)  ชนิด  5  ตัวเลือก  จำนวน  12  ข้อ  ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่  0.50  ถึง  0.86 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ  0.91  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล  คือ  ร้อยละ  ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  ทดสอบสมมติฐานโดยใช้  t – test (Dependent  Sample)

                      ผลการศึกษาพบว่า  1)  การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  มีประสิทธิภาพเท่ากับ  84.63/81.11  ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้  คือ  80/80  2)  การพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  มีค่าดัชนีประสิทธิผลมีค่าเท่ากับ  0.7135  แสดงว่า  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่องความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้  คิดเป็นร้อยละ  71.35  3)  นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์   เรื่อง  ความน่าจะเป็น    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ  .05  และ 4)  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นโดยภาพรวมความพึงพอใจทุกด้านอยู่ในระดับมาก  คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ  4.31  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.72

 
โดยสรุป  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ  เทคนิค  STAD  ร่วมกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์  เรื่อง  ความน่าจะเป็น  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  3  มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล  ทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากเรียน  รวมทั้งผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก        จึงเหมาะที่ครูผู้สอน  ผู้บริหารโรงเรียน  ศึกษานิเทศก์  ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง  จะนำไปใช้ในการสอนและประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชา  เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพต่อไป

 

 

 

 

 

 


โปรดอ่านข้อมูลเบื้องต้นก่อนแสดงความเห็น
1. ห้ามโพสต์ ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สามหรือบุคคลอื่น
2. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าหรือหารายได้ ต่างๆโดยเด็ดขาด
3. ถ้าพบข้อความไม่เหมาะสมเราจะลบทิ้งทันทีโดยไม่แจ้งเจ้าของกระทู้ล่วงหน้า
4. ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบข้อความของตัวเองทุกข้อความ
5. หากพบข้อความ หรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่ singhapoo@hotmail.com เพื่อดำเนินการลบออกจากระบบต่อไป
ข้อความ :
โดย :
E-mail : *****กรุณาใช้ E-maill จริงเท่านั้น
คำเตือน : กรุณากรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และแน่ใจว่าข้อมูลนี้ไม่ใช่ ข้อความต่อว่าให้ร้ายผู้อื่น มิฉะนั้นข้อมูลนี้จะโดนลบทิ้งทันที